
แม่ฮ่องสอน-น้ำพุร้อนเหมืองแร่ อ.ปาย อาจจะกลายเป็นตำนาน หลังแผ่นดินไหว อบต.เมืองแปง ติดป้ายห้ามเข้า หลังน้ำพุไม่พุ่ง
หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 ทำให้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้รับผลกระทบ เช่น น้ำพุร้อนเหมืองแร่ อ.ปาย ทาง อบต.เมืองแปง ได้ออกมาติดป้ายห้ามเข้าบริเวณน้ำพุร้อน เนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เกิดแผ่นดินไหวทำให้น้ำพุร้อนเหมืองแร่หยุดไหลพุ่ง อาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่นักท่องเที่ยว จึงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวและชาวบ้านห้ามเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ น้ำพุร้อนเหมืองแร่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง น้ำพุร้อนที่เคยส่องประกายพวยพุ่งสูงกระจายฝอยน้ำอุ่นและน้ำแร่ สร้างความสวยงามดึงดูดหนังท่องเที่ยวให้มาเยือน หลังแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาที่ผ่านมา กับเงียบสนิทนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงกลายเป็นตำนาน สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวหลายคนที่เคยมายลโฉมน้ำพุร้อนเหมืองแร่ที่พุ่งขึ้นสวยงามตามธรรมชาติเมื่อรู้ข่าวต่างพากันเสียใจไปตามๆกัน แต่อย่างไรก็ตามเวลาอาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ น้ำพุร้อนเหมืองแร่อาจจะพวยพุ่งกลับมาเหมือนเดิมก็เป็นไปได้ รอดูกันต่อไป
สำหรับ บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ มีความสูงของการประทุ ประมาณ 1.5 เมตร ถูกสำรวจครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ความลึกประมาณ 100 เมตร แต่น้ำร้อนเพิ่งปะทุขึ้นมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2556 ซึ่งถูกพบโดยบังเอิญ จากชาวบ้านในพื้นที่ น้ำพุร้อนบ้านเหมืองแร่ แห่งนี้ มีอุณหภูมิ ประมาณ 94 – 96.4 องศาเซลเซียส โดยมีกลิ่นกำมะถันน้อยกว่าแหล่งอื่น ซึ่งอยู่ติดกับทางทางหลวงหมายเลข 1265 (แยกแม่ปิง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน – บ้านวัดจันทร์ อ.กลัยานิวัฒนา จ.เชียงใหม่) ห่างจากแยกแม่ปิงประมาณ 13 กิโลเมตร น้ำพุไหลพุ่งออกสู่พื้นผิวรอบข้าง ไม่ได้มีลักษณะเป็นบ่อ แต่เกิดเป็นแอ่งน้ำลึกประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร มีอาณาบริเวณ 20 ตารางเมตร สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพแห่งใหม่ได้ในอนาคต ซึ่งจะทำให้ชุมชนมีรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว ทำให้น้ำพุร้อนหยุดไหลไม่พุ่งขึ้นเหมือนเมื่อก่อน
นอกจากนี้ ถ้ำปลา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้าไปเที่ยวชมปลามุงที่แวกว่ายไปมาภายในถ้ำ และ ลำแม่น้ำที่ใสสะอาด ให้นักท่องเที่ยวนำอาหารมาโยนให้และยลโฉม แต่หลังแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 ที่ผ่านมา น้ำในถ้ำปลาขุ่นมัว แทบมองไม่เห็นตัวปลาเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจน้ำภายในถ้ำพบว่า ลำน้ำบริเวนปากถ้ำมีสีขุ่นมัว มีตะกอนดินภายในน้ำ และ พบว่าปลาที่แวกว่ายอยู่ในลำน้ำด้านนอกได้หลบเข้าไปอยู่ในถ้ำ ขณะนี้ประมาณเกือบ 1 สัปดาห์หลังแผ่นดินไหว สีของน้ำที่ขุ่นมัวมีตะกอนดินก็เริ่มจะใสเล็กน้ำ คงต้องใช้เวลากว่าน้ำจะใสเป็นปกติ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ เช่นกัน
สุกัลยา/แม่ฮ่องสอน