
แพทย์ทหารเตือน “ผู้ป่วยเบาหวาน ไตเรื้อรัง ธาลัสซีเมีย โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง” เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้ดิน
จากข้อมูล กระทรวงสาธารณสุข ในช่วงหน้าฝนนี้มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้ดิน หรือโรคเมลิออยด์เพิ่มสูงขึ้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง โรคธาลัสซีเมีย และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่ทำงานสัมผัสกับดินและน้ำโดยตรง หรือมีบาดแผลไม่ควรเดินลุยน้ำด้วยเท้าเปล่า หรือแช่น้ำนาน เพราะอาจติดเชื้อโรคไข้ดิน หากเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมรองเท้าบูท สวมถุงมือยาง และกางเกงขายาว เพื่อป้องกัน เมื่อเสร็จภารกิจให้รีบอาบน้ำชำระร่างกายด้วยสบู่ และน้ำสะอาดทันที และสังเกตอาการของตนเองหากมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 5 วัน ควรรีบพบแพทย์
โรคไข้ดิน หรือโรคเมลิออยด์ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เบอร์โคเดอเรีย สูโดมัลลิอาย พบได้ทั่วไปในดิน ในน้ำ นาข้าว ท้องไร่ สวนยาง ทั่วทุกภาคในประเทศไทย ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา จับปลา ลุยน้ำ ปลูกแปลงผัก ทำสวนยาง จับปลา หรือลุยโคลน เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ 1) การสัมผัสน้ำหรือดินที่มีเชื้อปนเปื้อน เชื้อจะสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลได้ 2) การดื่มน้ำไม่สะอาดหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป หรือการสำลักน้ำที่มีเชื้อโรค และ 3) สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป หลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะเริ่มมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน
อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ อาจติดเชื้อเฉพาะที่ หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะและเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง โรคธาลัสซีเมีย และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ในการนี้ พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงขอแนะนำในการป้องกันโรคไข้ดิน หรือโรคเมลิออยด์ ควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลน หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นควรสวมรองเท้าบูทหรือถุงพลาสติกหุ้มรองเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง สวมถุงมือยาง กางเกงขายาว หากมีบาดแผลควรปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ และอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากทำงานหรือลุยน้ำ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อที่แพทย์จะได้ตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที ตามอาการและความรุนแรงของโรค
จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพภาคที่ 3 โดย โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือประชาชน ในยามวิกฤตทุกโอกาส
ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว