กาฬสินธุ์บทบาทวิทยาลัยสงฆ์มิติใหม่กับการพัฒนาการศึกษา

รักษาการผู้อำนวยการ วิทยาลัยศาสนศาสตร์เฉลิมพระเกียรติกาฬสินธุ์ เผยบทบาทวิทยาลัยสงฆ์มิติใหม่ กับการพัฒนาการศึกษา ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในท้องถิ่น พร้อมระบุผลสัมฤทธิ์นักศึกษาที่จบการศึกษา สามารถเข้าสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ โดยเฉลี่ยถึง 60 %

“ความเป็นเลิศทางวิชาการตามแนวพระพุทธศาสนา” เป็นปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ชื่อเดิมคือมหามกุฏราชวิทยาลัย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2436 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดตั้งเป็นวิทยาลัยสงฆ์ ทรงนำพระนามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระบรมราชชนก มีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงรับเป็นผู้อำนวยการมหามกุฏราชวิทยาลัยพระองค์แรก พระองค์ทรงจัดการศึกษาทั้งในส่วนคณะสงฆ์และเยาวชนของชาติในยุคนั้น

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย อายุครบ 132 ปี มี 8 วิทยาเขต 3 วิทยาลัยครอบคลุมทั้งประเทศ ซึ่งวิทยาลัยศาสนศาสตร์เฉลิมพระเกียรติกาฬสินธุ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่วัดประชานิยม (พระอารามหลวง) ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ มีพระธรรมวชิรนิวิฐ (บัวศรี ชุตินฺธโร น.อ.เอก ป.ธ.4) เป็นปฐมาจารย์ผู้ก่อตั้งเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 มีพระพุทธิวชิรเมธี ผศ.ดร. เป็นรักษาการผู้อำนวยการวิทยาลัยศาสนศาสตร์เฉลิมพระเกียรติกาฬสินธุ์ (มมร.กาฬสินธุ์) รูปปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นขยายโอกาสทางการศึกษาประชาชนทุกกลุ่มวัยพร้อมประชาสัมพันธ์ไปยังสถาบันศึกษาและผู้ปกครอง ตามสโลแกนที่ว่า “นกไม่มีขน คนไม่มีความรู้ ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้”

พระพุทธิวชิรเมธี ผศ.ดร. รักษาการผู้อำนวยการวิทยาลัยศาสนศาสตร์เฉลิมพระเกียรติกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การที่จะพัฒนาเยาวชนหรือยกฐานะนักเรียนให้มีคุณภาพทางการศึกษาได้นั้น เราหวังว่าผู้ที่มีความประสงค์ต้องการศึกษาในชั้นอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรีที่มีทุนการศึกษาจำกัด ซึ่งค่าเทอมภาคปกติ 6,000 บาท โดยเปิดการเรียนการสอนอยู่ 4 สาขา มีการสอนวิชาภาษาไทย, การสอนวิชาสังคมศึกษา, การสอนวิชาพระพุทธศาสนาและรัฐศาสตร์การปกครอง

“จ.กาฬสินธุ์ มีสถาบันการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาประมาณ 50 กว่าแห่ง เราได้ออกพื้นที่ไปประชาสัมพันธ์ในการเปิดโอกาสทางการศึกษา เพื่อร่วมกันพัฒนาเยาวชนในท้องถิ่นให้มีคุณภาพ โดยการใช้หลักการศึกษาขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา ซึ่งนักศึกษาที่จบการศึกษาจากสถาบันเรา ได้เข้าร่วมสอบแข่งขันเพื่อบรรจุเป็นข้าราชการ ทั้งในส่วนของครู หรือผู้จบรัฐศาสตร์การปกครอง สามารถสอบติดเป็นข้าราชการโดยเฉลี่ยคิดเป็น 60 % สร้างความภาคภูมิใจกับผู้ปกครองหรือคณาจารย์เป็นอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่ของวิทยาลัยสงฆ์ สามารถตอบโจทย์หรือเป็นองคาพายพที่สำคัญยิ่ง ตามสโลแกนที่ว่า “นกไม่มีขน คนไม่มีความรู้ ขึ้นสู่ที่สูงไม่ได้” ดังกล่าว

พระพุทธิวชิรเมธี ผศ.ดร. กล่าวเพิ่มเติมว่า การศึกษาในวัดอาจจะมีหลายท่านบอกว่า “เชย” ซึ่งจริงๆแล้ว มหามกุฏฯ ของเรา ได้ช่วยยกฐานะความเป็นอยู่ของชีวิต ให้กับผู้ที่สำเร็จการศึกษา ได้มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงอุดมศึกษาฯ สามารถสอบบรรจุวัดผลความรู้ความสามารถ ไม่แพ้สถาบันที่มีชื่อ สามารถสืบค้นได้ว่า ในการสอบแข่งขันในสนามสอบระดับประเทศซึ่งมีกว่า 300 สถาบัน นักศึกษามหามกุฏฯ สอบบรรจุเป็นข้าราชการตามหน่วยงานภาครัฐได้ในลำดับที่ 19 ของประเทศ

 

“สถาบันของเรา ได้เน้นเรื่องวิชาการทางธรรมควบคู่กับวิชาการทางโลกสากลนิยม สามารถนำความรู้ไปแก้วิกฤตปัญหาของสังคม เพื่อในสังคมปัจจุบันมีความต้องการที่จะให้โอกาสคนดี เพื่อไปพัฒนาชาติบ้านเมือง หากต้องการเรียนเก่ง เรียนดี มีคุณภาพ เชื่อได้ว่า มมร.หรือมหามกุฎราชวิทยาลัย สามารถตอบโจทย์วิชาประคองชีวิต ไปใช้ดำเนินชีวิต และสามารถพัฒนาชีวิต ให้เป็นบุคคลที่มีความสำคัญในสังคมได้” พระพุทธิวชิรเมธี ผศ.ดร. กล่าว

 
อย่างไรก็ตาม จากรายงานผลข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษา จ.กาฬสินธุ์ ปีการศึกษา 2567 ที่ได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานด้านการศึกษาของแต่ละหน่วยงาน ที่รับผิดชอบทางด้านการศึกษา พบว่าผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติพื้นฐาน (O-NET) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2564-2566 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) คิดเป็นเปอร์เซ็นในรายวิชา คือ ภาษาไทย 40.14%, คณิตศาสตร์ 18.37%, วิทยาศาสตร์ 28.32%, อังกฤษ 25.25%, สังคมศึกษา 32.22%, ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายอยากจะขอฝากรัฐบาลใหม่ ให้ช่วยผลักดันระบบการศึกษาให้เป็นรูปธรรม เพื่อที่จะนำไปพัฒนาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติต่อไป

Related posts