กาฬสินธุ์คิกออฟใหญ่! “หมอภาคี” นำทัพเขตสุขภาพที่ 7 ปั้น “อสม.ยุคใหม่” สู่ “ผู้ช่วยสาธารณสุข” เต็มรูปแบบ ตั้งเป้า 1,584 คน ปูพรมทุกหมู่บ้านภายใน 1 ปี หวังดูแลผู้สูงวัย-เบาหวานเชิงรุก พร้อมการันตีสวัสดิการยั่งยืน

เมืองน้ำดำตื่นตัวรับนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยสาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 7 ลงพื้นที่นำทัพเปิดเวทีขับเคลื่อน “อสม.ยุคใหม่” ยกระดับสู่ “ผู้ช่วยสาธารณสุข” มืออาชีพ ระดมแกนนำกว่า 700 ชีวิต ร่วมปฏิญญาดูแลสุขภาพคนไทย ย้ำชัด อสม. คือ “รากฐานและลมหายใจ” ของระบบสาธารณสุขไทย ด้าน “นายแพทย์ สสจ.กาฬสินธุ์” กางแผนยุทธศาสตร์ เร่งผลิตผู้ช่วยสาธารณสุข 1,584 คน ครอบคลุมทุกหมู่บ้านภายในปี 69 มุ่งเป้าลดผู้ป่วย NCDs และรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ที่ห้องประชุมทศพร โรงแรมริมปาว อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ สาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) เขตสุขภาพที่ 7 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการการขับเคลื่อนนโยบาย อสม. ยุคใหม่สู่การเป็นผู้ช่วยสาธารณสุขเพื่อสวัสดิการที่ยั่งยืน โดยมี นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายประเสริฐ เก็มประโคน ผู้ช่วยผู้ตรวจราชการ เขตสุขภาพที่ 7, ผศ.(พิเศษ) นพ.สุรเชษฐ์ ภูลวรรณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์, พญ.จารุพรรณ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน สาธารณสุขอำเภอ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และทัพหน้าสำคัญคือ แกนนำอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) รวมกว่า 700 คน เข้าร่วมรับมอบนโยบายอย่างพร้อมเพรียง

 

นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ กล่าวว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศไทยได้รับการยกย่องในระดับโลก ส่วนสำคัญที่สุดคือรากฐานที่แข็งแกร่งจากพี่น้อง อสม. ที่เปรียบเสมือน “มดงาน” และ “ด่านหน้า” ที่เข้าถึงประชาชนได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันที่บริบทสังคมเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ทวีความรุนแรงขึ้น การยกระดับ อสม. ให้เป็นเพียงอาสาสมัครทั่วไปอาจไม่เพียงพออีกต่อไป

 

“การยกระดับสู่ ‘ผู้ช่วยสาธารณสุข’ จึงเป็นภารกิจเร่งด่วน เราต้องการ อสม. ที่มีความรู้เฉพาะทางมากขึ้น โดยเฉพาะทักษะการดูแลผู้สูงอายุ (Care Giver), การดูแลผู้ป่วยเบาหวานให้เข้าสู่ระยะสงบ (Diabetes Remission) โดยไม่ต้องพึ่งยา, การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพ (Health Leader) และที่สำคัญคือการนำภูมิปัญญาไทยอย่าง ‘นวดแผนไทย’ มาใช้ดูแลและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยในชุมชน เวทีวันนี้จึงไม่ใช่แค่การประชุม แต่คือการติดอาวุธทางปัญญา เพื่อให้พี่น้อง อสม. นำนวัตกรรมไปใช้ดูแลคนในชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” นพ.ภาคี กล่าว

 

ด้าน ผศ.(พิเศษ) นพ.สุรเชษฐ์ ภูลวรรณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่าจังหวัดกาฬสินธุ์ตระหนักถึงความเสียสละของ อสม. ทั้ง 18,421 คน ที่เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนงานสุขภาพมาโดยตลอด ทั้งในช่วงวิกฤตโรคระบาดและสถานการณ์ปกติเพื่อตอบรับนโยบายรัฐบาล สสจ.กาฬสินธุ์ ได้วางเป้าหมายเชิงรุกที่จะพัฒนาศักยภาพ อสม. ให้ก้าวขึ้นเป็น “ผู้ช่วยสาธารณสุข” จำนวน 1,584 คน ซึ่งจะทำให้มีผู้เชี่ยวชาญกระจายตัวอยู่ ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน ทั่วทั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ ภายในระยะเวลา 1 ปี

 
“ผู้ช่วยสาธารณสุขเหล่านี้ จะผ่านการอบรมหลักสูตรเข้มข้น เพื่อให้มีขีดความสามารถในการคัดกรองความเสี่ยง ให้คำแนะนำด้านโภชนาการ และการปฐมพยาบาลเชิงลึก ซึ่งการจัดมหกรรมในวันนี้ นอกจากจะเป็นการ Kick-off นโยบายแล้ว ยังมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ เชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจ ให้แก่พี่น้อง อสม. ผู้ปิดทองหลังพระ ให้มั่นใจว่ารัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข พร้อมดูแลเรื่องสวัสดิการและความมั่นคงให้แก่พวกเขาอย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับภารกิจดูแลสุขภาพชาวกาฬสินธุ์” ผศ.(พิเศษ) นพ.สุรเชษฐ์ กล่าว

 

Related posts