จันทบุรี- เซ็นทรัลแล็บ-อบจ.จันทบุรี เร่งส่งดินและน้ำเพื่อตรวจหาสารแคดเมี่ยม เร่งช่วยเหลือชาวสวนทุเรียน

จันทบุรี- เซ็นทรัลแล็บ-อบจ.จันทบุรี เร่งส่งดินและน้ำเพื่อตรวจหาสารแคดเมี่ยม เร่งช่วยเหลือชาวสวนทุเรียน

 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ศาลาประชาคม อบต. วังใหม่ ต. วังใหม่ อ. นายายอาม จ. จันทบุรี เวลา 11.00 น. ซึ่งวันนี้ทางคณะทำงานเซ็นทรัลแลป ร่วมมือกับ อบจ.จันทบุรี ในโครงการ GAP MAN เริ่มเก็บตัวอย่างดินและน้ำ เพื่อไป ตรวจหาสาร แคดเมี่ยม หรือ สารปนเปื้อน ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เพื่อสร้างความมั่นใจในการ ส่งออกทุเรียนหรือผลไม้ภาคการเกษตร ในจังหวัดจันทบุรี ในดินและน้ำภายในสวนทุเรียน โดยจะกล่าวถึงอบจ.จันทบุรี โดยการริเริ่มของนายธนภน กิจกาญจน์ นายก อบจ. จันทบุรี และสมาชิก สจ. ภายใน จ.จันทบุรี ได้เตรียมความพร้อม การประชุมหารือและได้ตกผลึก การจัดการในเรื่องของการตรวจหาสารปนเปื้อนในดินและน้ำภายในสวนทุเรียนของชาวสวนทุเรียนใน จ.จันทบุรี

โดยที่ผ่านมานั้นได้มีการ ประชาสัมพันธ์ไปตามตำบลต่างๆและอำเภอที่อยู่ในเขตจังหวัดจันทบุรี เพื่อแจ้งให้ชาวสวนทุเรียนเดินทางมาลงทะเบียนกันที่ อบจ.จันทบุรี เป็นเวลาหลายเดือนผ่านมา และเป็นการเนิ่นนานไปทางสมาชิก สจ. ทั้ง 2 เขต ของนายายอาม จึงได้ดำเนินการแจ้งและนัด ชาวสวนทุเรียนโดยการริเริ่มและ โดยการนำของนายอัจฉริยะ กิจอุดม สจ.เขต 2 สจ.พงศ์พิวิชญ์ ศรีทองคำ เขต1 สจ. นายายอามทั้ง 2 เขต พร้อมทั้งนายปวีณ ทวีวงศ์ สจ.เขต 3 อ. ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ได้เข้ามาช่วยและเรียนรู้ในโครงการนี้ เพื่อนำไปปรับใช้ในเขตพื้นที่ของตนเอง

ซึ่งในวันนี้ได้นัดชาวสวนทุเรียน ในเขตพื้นที่ ที่กำหนดไว้ให้เข้าตรวจรอบแรกจำนวน 50 ราย แจ้งให้นำดิน-น้ำจากในสวนทุเรียนโดยการขุดดิน ไปตากแดดให้ดินแห้ง ให้นำดินประมาณ 1 กิโลกรัม บรรจุใส่ถุง และน้ำที่ใช้รดต้นทุเรียนภายในสวน ให้นำบรรจุใส่ขวดน้ำมา 1.5 ลิตร พร้อมเบร์โทรศัพท์ และเงินจำนวน 200 บาท

จนถึงเวลา 11.00 น. มีชาวสวนทุเรียน ในเขต ต.วังใหม่และ ต.ช้างข้าม ซึ่งวันนี้ได้กำหนดไว้แค่ 2 ตำบล เริ่มทยอยกันเข้ามา โดยหิ้วถุง ที่ใส่ดินและขวดที่ใส่น้ำ ซึ่งนำน้ำจากในบ่อที่ใช้รดน้ำในสวนทุเรียน เข้ามาภายในหอประชุม อบต.วังใหม่


ชาวสวนทุเรียนที่ยังไม่มีรายชื่อใน 50 คนแรกนั้น ทางคณะกรรมการก็จะจัดเรียกให้นำดินและน้ำ เพื่อทำการจัดเก็บนำส่งห้องตรวจ การจัดการบริหารเรื่องสารปนเปื้อนในครั้งนี้ ประโยชน์ทำให้ชาวสวนทุเรียนใน พื้นที่ อ.นายายอามนั้นต่างก็มีความดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ นายก อบจ.จันทบุรี และสมาชิก สจ. โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสวนทุเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวสวนทุเรียนที่ได้รับข่าวเรื่องสารแคดเมี่ยม ที่ปนเปื้อนไปกับลูกทุเรียนที่ส่งออกไปยังประเทศจีน จึงมีความกังวลเป็นอย่างมาก กลัวว่าจะเป็นการส่งผลกระทบต่อการส่งออกและทำให้ราคาทุเรียนนั้นตกต่ำ เนื่องจากช่วงนี้ยาและปุ๋ยนั้นมีราคาสูงมาก จึงมีความกังวลเป็นอย่างมากในต้นทุนที่สูงขึ้น ถ้าไม่สามารถส่งออกและขายได้ก็จะส่งผลให้ทุเรียนนั้นราคาตกต่ำ ส่งผลให้รายจ่ายมากกว่ารายรับ และยังมีผลกระทบ ต่อชาวสวนทุเรียนโดยตรง

โครงการนี้ที่ นายก อบจ. และสมาชิก สจ. ที่ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือชาวสวนทุเรียนในครั้งนี้ จึงมีจึงมีความผ่อนคลายกังวล ในเรื่องสารตกค้างหรือสารปนเปื้อน ที่จะทำให้การส่งออกทุเรียนมีปัญหาเกิดขึ้นไม่สามารถผ่านด่านที่ประเทศจีนได้ เพราะพบสารปนเปื้อนก็จะถูกขึ้นบัญชีและตีกลับทำให้เกิดความเสียหายกับพ่อค้าและชาวสวนทุเรียนโดยตรง ค่าตรวจดินและน้ำถ้า ชาวสวนทุเรียนนำไปตรวจเองจะเสียในราคาที่สูงริ่ว และในการเดินทาง ไปติดต่อ และทำให้ยุ่งยากหลายอย่าง เพราะความไม่รู้แหละขั้นตอนต่างๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋า และเป็นการอำนวยความสะดวกหลายประการของชาวสวนทุเรียน จึงมีโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของชาวสวนทุเรียน ในแต่ละข่าวที่นำดินและน้ำไปตรวจในห้องแลป ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่อครั้ง 1,500-2,000 บาท แต่ในโครงการนั้นจะช่วยเหลือเกษตรกรให้จ่ายเพียง 200 บาทเท่านั้น นอกนั้น ส่วนต่างทางโครงการจะจ่ายให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียน

การตรวจดินและน้ำ ณ ห้องแลปต้องมีมาตรฐานตามที่ประเทศจีนนั้นได้กำหนดไว้ ซึ่งก็เป็นการยากที่ชาวสวนทุเรียนจะนำดินและน้ำไปตรวจ ซึ่ง อบจ.จันทบุรี ได้เล็งเห็นความลำบากของพี่น้องประชาชนที่ปลูกและทำสวนทุเรียน จึงได้มีโครงการ GAP. MAN. เพื่อจัดการเก็บตัวอย่างดินและน้ำเพื่อหาสารแคดเมี่ยมหรือสารปนเปื้อนในดินและน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคทุเรียน ในครั้งต่อไปจะมีการนัดชาวสวนทุเรียนที่ได้ลงทะเบียนไว้ที่ อบจ.จันทบุรี และชาวสวนทุเรียนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนที่ อบจ.จันทบุรี ยังมีอีกมากที่ยังไม่ได้ลงบัญชีไว้ ก็จะมีการเปิดรับการลงลงทะเบียนอีกอีกครั้ง ในคราวต่อไป ในการเก็บดินและน้ำในครั้งนี้

ทางโครงการก็จะรีบนำดินและน้ำไปตรวจและออกใบรับรองให้ชาวสวนทุเรียน เพื่อในอนาคตในการขายทุเรียนจากในสวนเข้าสู่ท้องตลาดใน ประเทศไทยและ ประเทศจีน จะง่ายต่อการเข้าตรวจสอบสารปนเปื้อน และถ้าพบว่ามีสารปนเปื้อนในดินและน้ำก็สามารถจะแก้ไขได้ทันท่วงที โครงการนี้จึงทำให้ชาวสวนทุเรียนลดความยุ่งยากในการนำดินและน้ำไปตรวจเพื่อหาสารปนเปื้อน กลายเป็นผลดี เป็นประโยชน์ต่อชาวสวนทุเรียน เพราะจะเป็นมาตรฐานและพัฒนาในการใช้ปุ๋ยและยาที่ไม่มีสารปนเปื้อนในดินและน้ำซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

ทั้งนี้ทำให้การส่งออกทุเรียนออกไปยังประเทศปลายทางคือประเทศจีน ง่ายต่อการตรวจสอบแหล่งที่มา ถ้ามีสารปนเปื้อนในดินและน้ำเกิดขึ้น ก็สามารถยับยั้งและป้องกันได้ก่อนที่จะส่งออกไปยังประเทศปลายทาง จึงเป็นโครงการที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้ชาวสวนทุเรียนในพื้นที่ ได้เข้ามามีส่วนร่วม และเล็งเห็นในความสำคัญของสารปนเปื้อนในดินและน้ำ ในการลงทะเบียนในครั้งต่อไป

กิตติพงศ์ คงคาลัย จ.จันทบุรี

Related posts