ระนอง – แฉอดีตผู้นำท้องถิ่นกร่าง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่ดินกลางพื้นที่ ร้องรัฐเร่งจัดการ “อิทธิพลเหนือกฎหมาย”

ระนอง – แฉอดีตผู้นำท้องถิ่นกร่าง ข่มขู่เจ้าหน้าที่ที่ดินกลางพื้นที่ ร้องรัฐเร่งจัดการ “อิทธิพลเหนือกฎหมาย”

ระนอง – ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ร้องเรียนผ่านสื่อ หลังเกิดเหตุอดีตผู้นำท้องที่ท้องถิ่น ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มขู่และกดดันเจ้าพนักงานที่ดิน ขณะปฏิบัติหน้าที่รังวัด ปักแนวเขต เพื่อออกโฉนดที่ดินให้ประชาชน สะท้อนปัญหา “อิทธิพลเหนือกฎหมาย” ที่ยังฝังรากลึกในพื้นที่

น.ส.ปิ่นชญา ธนบัตร ผู้ร้องเรียน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 13.05 น. ตนได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดระนอง ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการรังวัดที่ดินซึ่งครอบครองทำกินมานาน ลักษณะหัวไร่ปลายนา แต่ภายหลังทางราชการตัดถนนผ่าน ทำให้ที่ดินแยกออกจากแปลงที่มีโฉนด จึงขอให้รัฐดำเนินการออกโฉนดให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ต่อมา เจ้าหน้าที่ที่ดินจำนวน 4 นาย ได้ลงพื้นที่ ตำบลน้ำจืดน้อย อำเภอกระบุรี เพื่อทำการรังวัดและจัดทำเอกสารตามขั้นตอน จนกระทั่งระหว่างการลงลายมือชื่อในเอกสาร ได้มีอดีตผู้นำท้องที่ท้องถิ่นรายหนึ่ง ขับรถกระบะเข้ามาในพื้นที่ โดยมีบุคคลนั่งมาในรถอีกประมาณ 2–3 คน

อดีตผู้นำรายดังกล่าวได้ลงจากรถ และพูดจาโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ที่ดินด้วยถ้อยคำแข็งกร้าว อาทิ

“มาวัดทำไม คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาปักหลักตรงนี้”

แม้เจ้าหน้าที่จะชี้แจงว่าเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามคำร้องของเจ้าของที่ดิน แต่อดีตผู้นำฯ ยังคงยืนยันเสียงแข็งว่า “ไม่มีสิทธิ์ ห้ามมาทำ”

จากนั้นอดีตผู้นำฯ ได้ขับรถออกไป แต่เพียงไม่นานประมาณ 5 นาที กลับขับรถย้อนกลับมาอีกครั้ง ลงจากรถ เดินเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ดินในลักษณะกดดัน ก่อนจะเดินทางออกจากพื้นที่ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่จึงสามารถปฏิบัติงานจนเสร็จสิ้น และเดินทางกลับ

ผู้ร้องเรียนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการข่มขู่ คุกคาม และขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ อันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้เข้าแจ้งบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่สถานีตำรวจภูธรกระบุรี เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 โดยมี ร.ต.อ.เลิศชาย ขำพิทักษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.กระบุรี เป็นผู้รับแจ้ง

ผู้ร้องเรียนตั้งคำถามแรงว่า หากเจ้าพนักงานของรัฐยังถูกข่มขู่จนไม่กล้าแจ้งความ แล้วประชาชนตาดำ ๆ จะพึ่งพาใครได้ พร้อมฝากไปถึงผู้นำอำเภอกระบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวอย่างจริงจัง เพราะการใช้อำนาจบาตรใหญ่ เย้ยหยันกฎหมายบ้านเมือง เสมือนบ้านเมืองไร้ขื่อแป คือภัยเงียบที่บ่อนทำลายความศรัทธาของประชาชนต่อรัฐอย่างร้ายแรง