แพร่ – ทุกข์ชาวบ้านชาวบ้านวังหลวง จ.แพร่ วอนหน่วยงานรัฐเร่งช่วย! ที่ดินติดแม่น้ำยมถูกน้ำกัดเซาะสูญหายเกือบหมดตัว หวั่นไม่มีที่ทำกิน

แพร่ – ทุกข์ชาวบ้านชาวบ้านวังหลวง จ.แพร่ วอนหน่วยงานรัฐเร่งช่วย! ที่ดินติดแม่น้ำยมถูกน้ำกัดเซาะสูญหายเกือบหมดตัว หวั่นไม่มีที่ทำกิน

เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ตำบลวังหลวง อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ ว่ากำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่จาก แม่น้ำยม ที่ไหลหลากและกัดเซาะตลิ่งอย่างรุนแรง ทำให้ ที่ดินทางการเกษตร ที่อยู่ติดริมน้ำยมหลายร้อยไร่ได้รับความเสียหายและสูญหายไปเป็นจำนวนมาก สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวบ้านอย่างหนัก
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณ ริมแม่น้ำยม หมู่ที่ 4 ตำบลวังหลวง พบกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากยืนรวมตัวถือโฉนดที่ดินชี้ให้ผู้สื่อข่าวดูถึงร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะแปลงที่ดินที่เคยเป็นสวนและพื้นที่ทำกิน ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากกัดเซาะจนดินพังทลายลงน้ำแทบจะหมดสิ้นรวมระยะทางกว่า 3กิโลมตร รวมประมาณหลายร้อยไร่
นายอรรถพันธ์รัตนะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ตำบลวังหลวง ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า จุดที่เกิดเหตุนี้คือแม่น้ำยม ซึ่งเป็นสายน้ำสำคัญของจังหวัดแพร่ ที่ไหลผ่านตำบลวังหลวง และในช่วงฤดูน้ำหลากที่ผ่านมาได้สร้างผลกระทบต่อพื้นที่ทำกินของชาวบ้านเป็นวงกว้าง
“ผมได้นำเรื่องการกัดเซาะที่ดินของชาวบ้าน ส่งเรื่องให้ต้นสังกัดทราบและได้ดำเนินการทำโครงการเพื่อเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาแก้ไขแล้ว แต่ชาวบ้านและผมเองก็มีความกังวลว่า หากกระบวนการต่างๆ เกิดความล่าช้าออกไปอีก จะสร้างความเสียหายที่รุนแรงมากขึ้น” ผู้ใหญ่บ้านกล่าว

ผู้ใหญ่บ้านเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ชาวบ้านจึงต้องรวมตัวกันออกมาเรียกร้องในครั้งนี้ เพราะหากมีมวลน้ำก้อนใหม่ไหลหลากลงมาอีก ก็อาจทำให้ที่ดินที่เหลืออยู่ถูกกัดเซาะจนหายไปมากกว่าเดิม จึงวอนขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งรัดกระบวนการและดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านโดยทันที

ร.ต.ท. กมล ปัญญาแฝง ชาวบ้านเจ้าของพฝที่ดินที่ได้รับผลกระทบเปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนเองทำกินบนที่ดินผืนนี้มานาน แต่ในช่วงที่ผ่านมา กระแสน้ำยมได้กัดเซาะพื้นที่ดินไปอย่างต่อเนื่อง “แต่ก่อนมีที่ดินทำกิน 12 ไร่ ตอนนี้เหลืออยู่ไม่ถึงไร่แล้วค่ะ เสียหายไปเกือบทั้งหมด”หวังจะให้ลูกหลานได้มีพื้นที่ดินทำกินชั่วลูกชั่วหลาน ตอนนี้หายไปกลับน้ำหมดเลย
อีกรายนายพงศภัค วรภิรักษ์
กล่าวเสริมว่า ที่ดินริมน้ำในบริเวณนี้ถูกกัดเซาะรวมกันแล้วหลายร้อยไร่ สร้างความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ เพราะที่ดินเหล่านี้คือแหล่งทำมาหากินเลี้ยงชีพของครอบครัว “เราเดือดร้อนมาก ที่ดินถูกน้ำพังไปเรื่อยๆ ทุกวัน กลัวว่าในไม่ช้าจะไม่เหลือแผ่นดินให้ยืนอยู่ ไม่มีที่ทำกินเลี้ยงลูกหลานแล้ว”

ชาวบ้านตำบลวังหลวงต่างรวมพลังเรียกร้องให้ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมเจ้าท่า กรมชลประทาน หรือจังหวัดแพร่ เร่งเข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะตลิ่งเป็นการด่วนและเป็นแบบถาวร เพื่อให้พวกเขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตและทำมาหากินได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง

Related posts