สระบุรี/เกษตรกรเสาไห้สระบุรีผู้เลี้ยงปลาในกระชังสอื้นแม่น้ำป่าสักเน่าปลาเลี้ยงในกระชังลอยคอตายเป็นเบือ เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

วานนี้ ที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชังว่า ในแม่น้ำป่าสัก เขตอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี พากันลอยคอหงายท้องตายเป็นจำนวนมาก เหตุจากเกิดน้ำเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นเน่า จึงได้ลงพื้นที่ไปยังแพปลาทวีป ม.4 ต.เริงราง อ.เสาไห้ จ.สระบุรี พบนายทวีป คงอยู่ เจ้าของแพปลา ยืนมองดูแพปลาของตน อย่างหมดอาลัยตายอยาก มีสีหน้าที่อิดโรย กำลังช่วยกันนำเครื่องปั๊มออกซิเจนใส่ในกระชังปลา เพื่อช่วยระบายอากาศให้ปลาได้หายใจ โดยปลาอีกบางส่วนพากันลอยคอขึ้นเหนือน้ำอ้าปากหายใจผะงาบๆ ซึ่งกลุ่มชาวบ้านได้ช่วยกันตักปลาที่ยังไม่เน่าขึ้นมาจากกระชังเพื่อนำปลามาน็อกแช่น้ำแข็งและขายในราคาที่ถูก ในราคา กก.ละ 50-60 บาท จากราคาเดิมจะอยู่ที่ 80-90 บาท ซึ่งก็มีชาวบ้านที่ทราบข่าวเข้ามาซื้อปลาในราคาถูกกันเป็นระยะๆ

ส่วนปลาที่เน่าตายก็นำมาคัดแยกเอาที่ใช้ได้นำไปขายทำเป็นปลาร้า ในราคา กก.ละ 4-6 บาท ส่วนที่เหลือไม่สามารถขายได้ก็จะนำไปฝังกลบ เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ซึ่งปลาทับทิมในกระชังจะมีด้วยกันหลายขนาด โดยปลาไซด์เล็ก 5-6 ขีด ไซด์ใหญ่ 7-8 ขีด ในส่วนปลาทับทิมในกระชังของนายประทีป มีด้วยกัน 2 แพ รวม 35 กระชังได้รับผลกระทบในครั้งนี้ปลาตายทุกกระชัง มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท

ทางด้านนายนันทภพ เมฆดำ ตัวแทนกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เล่าว่าปลาเริ่มน็อกน้ำช่วงตั้งแต่ ตี 2 ของเมื่อคืนวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ปลาเริ่มมีอาการลอยหัวโผล่มาเหนือน้ำ เนื่องจากว่าน้ำในแม่น้ำป่าสักมีกลิ่นเหม็นมาก และขุ่น เป็นฟองลอยมาตามลำน้ำทำให้ปลาขาด ออกซิเจน อย่างรุนแรง และปลานอกกระชังก็ตื่น ขาดอากาศหายใจดิ้นทุรนทุราย ปลา-กุ้ง (ธรรมชาติ) ลอยหัวขึ้นข้างตลิ่งเป็นจำนวนมาก ถ้าเป็นปลาในแม่น้ำก็จะสามารถหนีตายว่ายไปได้ แต่ว่าปลาในกรชัง ซึ่งจำกัดอยู่ในกระชัง ทางแพปลาพยายามที่จะเติมออกซิเจนช่วย ก็เอาไม่อยู่ ซึ่งทำให้ปลาในกระชังซึ่งมีจำนวนกว่า 35 กระชังต้องตายไป รวมน้ำหนักกว่า 30 ตัน มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท

ส่วนเรื่องและสาเหตุที่ปลาน็อกน้ำนั้น ตนเองรู้ว่าทุกหน่วยงานรู้หมดว่าเกิดจากอะไร แต่ตนเองไม่สามารถพูดได้ เนื่องจาดพวกเราเป็นแค่เกษตรกรตัวเล็กๆ และทางเราก็ไม่มีเครื่องมือที่จะไปวัดค่าของน้ำ ไม่มีอะไร ไม่มีอำนาจ ไม่มีทุกอย่างที่จะไปต่อกรกับหน่วยงาน ซึ่งพวกตนเองก็เป็นเพียงเกษตรกรเลี้ยงปลาในกระชัง ซึ่งเลี้ยงกันมา 20-30 ปีมาแล้วถ้าจะให้พวกตนไปเปลี่ยนอาชีพก็ไม่รู้จะไปทำอะไร เนื่องจากว่ามีอายุกันมากแล้ว ซึ่งเดิมทีแหล่งน้ำนี้เป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ สมัยก่อนนานๆจะมีเหตุการณ์แบบนี้สักรั้ง แต่ในระยะหลังหลายปีมานี้พวกตนประสบปัญหามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาก็ยังพอทนได้ แต่มาครั้งนี้รุนแรงมาก ค่าออกซิเจนในน้ำแค่ 2-3 ปลาก็อยู่ไม่ได้แล้ว แต่ตอนนี้มีค่าเป็นศูนย์ ปลาจึงอยู่ไม่ได้

ทางด้านนางนก (นามสมมติ) แม่ค้ารับซื้อปลา เล่าว่าตนเองมาช่วยรับซื้อปลาในกระชัง โดยจะเอาไปทำปลาร้าก็มีในราคา กก.ละ4 -6 บาท ดีกว่าที่จะเอาไปทิ้งส่วนปลาที่น็อกน้ำตนรับซื้อในราคา 60 บาท โดยการนำปลามาผ่าท้อง และเอาไส้ออก และไปน็อกน้ำแข็งไว้ ซึ่งตอนนี้น้ำในแม่น้ำมีกลิ่นเหม็นมาก ซึ่งน้ำมีกลิ่นเหม็นแบบนี้ในปีนี้เกิดขึ้นบ่อยมาก สงสัยว่าน้ำในแม่น้ำป่าสักไม่น่าจะเลี้ยงปลาได้แล้ว พวกเราเกษตรกรจะทำมาหากินกันยากลำบาก ซึ่งทางหน่วยงานน่าจะช่วยเหลือดูแลนำในแม่น้ำให้ด้วย ไม่มีการจัดการแล้วยังปล่อยน้ำเสียลงมาในแม่น้ำ พวกเราก็ทำมาหากินไม่ได้ ทำลงไปก็หมดเนื้อหมดตัว ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกปี ปีละหลายๆรอบ ตนเองคาดว่าน้ำที่เน่าเสียเกิดจากสารเคมี หรือสารพิษทำให้ปลาไม่มีอากาศที่จะหายใจ ออกซิเจนก็ช่วยไม่ได้น่าเห็นใจชาวบ้านที่ทำมาหากินที่สุจริตต้องมาประสบเคราะห์กรรมที่ไม่ใช่เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ด้วยกันเอง.
/ดำรงค์ชื่นจินดา ผู้สื่อข่าว สระบุรี





Users Today : 590
Users Yesterday : 512
Total Users : 8975295
Total views : 41234955
Who's Online : 4