
ราชบุรี-จ่าทหารหึงโหดมอบตัวแล้ว คาดว่าน่าจะเกิดจากอาการเครียดสะสม
จ่าทหารหึงโหดมอบตัวแล้ว คาดว่าน่าจะเกิดจากอาการเครียดสะสมเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการชี้จุดที่เกิดเหตุพร้อมกับชี้จุดที่เก็บซ่อนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
จากกรณีที่ จ.ส.อ.ทวีศักดิ์ ศรีบัว ทหารสังกัดค่ายแห่งหนึ่งในตัวเมืองราชบุรี ได้ใช้อาวุธปืนยิงน.ส.ณัฐญา จันทร์ดี อายุ 28 ปี ผู้เป็นภรรยาเสียชีวิตในห้องนอน เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 20 เม.ย. 68 ก่อนจะหลบหนีไป โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 50 ม.6 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้( 20 เม.ย. 68 ) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของสภ.โพธาราม ได้ไปรับตัว จ.ส.อ.ทวีศักดิ์(นามสมมุติ) ที่บริเวณที่แยกบางแพ อ.บางแพ จ.ราชบุรี หลังจ.ส.อ.ทวีศักดิ์ (นามสมมุติ) ได้ติดต่อเข้ามาขอมอบตัวเพื่อมาสู้คดี โดยเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการชี้จุดที่เกิดเหตุพร้อมกับชี้จุดที่เก็บซ่อนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุและตรวจยึดอาวุธปืนมาตรวจสอบเพื่อใช้ประกอบในการดำเนินคดี แต่ยังไม่ได้มีการสอบปากคำผู้ต้องหาแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ต้องหานั้นเป็นทหาร ในการสอบปากคำจึงต้องเชิญนายทหารรัฐธรรมนูญ มาร่วมสอบปากคำด้วย โดยในวันพรุ่งนี้ ( 21 เม.ย.68 ) จึงจะทำการสอบปากคำก่อนที่จะส่งตัวผู้ต้องหาไปทำการขออำนาจศาลฝากขัง
จากการสอบถามหนึ่งในเพื่อนของ จ.ส.อ.ทวีศักดิ์ (นามสมมุติ) ก็ให้ข้อมูลว่า จ.ส.อ.ทวีศักดิ์ หรือจ่าเบริ์ด นั้นเป็นคนจิตใจดี เป็นคนพูดจาดีรักลูกกับเมียมาก แต่ที่ผ่านมาก็พอจะรู้ว่าจ่าเบริ์ดนั้นมีปากเสียงกับภรรยาบ่อยเพราะภรรยานั้นต้องกลับไปอยู่บ้านของตนเองเพื่อไปดูแลพ่อกับแม่ที่ป่วย และทราบมาจากคนอื่นว่าภรรยาของจ่าเบริ์ดน่าจะมีคนอื่น ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องจริงหรือไม่ ที่ผ่านมาผู้ตายกลับไปอยู่บ้านของตนเอง และจ่าเบริ์ดก็ไปตามกลับมาเพราะเป็นห่วงลูกสาวอายุ 5 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคลมชัก จึงอยากจะให้ทั้งพ่อและแม่นั้นอยู่ใกล้ชิดลูก ส่วนเรื่องที่จ่าเบริ์ดยิงเมียตัวเองตายนั้นเชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องบันดาลโทสะ และอาจจะเครียดปัญหาส่วนตัว และยืนยันว่าจ่าเบริ์ดไม่ใช่คนใจร้อนและเป็นคนดีสำหรับเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆตลอด
หลังจากนั้น (นายสัมฤทธิ์ ) อายุ 65 ปี พ่อผู้ต้องหาพร้อมทั้งญาติและเพื่อนผู้ต้องหาเดินทางเข้าเยี่ยมที่ สภ.โพธาราม พ่อมีอาการที่เศร้าโศกร้องไห้ตลอดเวลา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าเยี่ยมแต่ให้อยู่ในระยะที่กำหนด โดยพ่อผู้ต้องหาได้กล่าวว่า เข้ามาเยี่ยมลูกชายแต่ยังไม่ได้เจอเขาไม่ให้เข้าไปอยู่ใกล้หูก็ไม่ดีคุยกันไม่รู้เรื่องอยากจะเห็นหน้าลูกอยากจะลูบหัวมันอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแต่อยู่คนละห้องเขายิงกันไม่รู้เรื่องเลยเพราะถอดหูฟังออกปัญหาต่างๆก็ไม่เคยเล่าให้ฟังลูกสะใภ้ก็ไม่น่ามาตายเลยเพิ่งกลับมาเมื่อ 2-3 วันนี้ก็ดีใจที่เขากลับมาเที่ยวงานแห่ดอกไม้ทะเลาะกันก็แค่ดูว่ากันไปก็พอไม่เห็นจะต้องยิงกันพ่อไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ไม่น่าเอาหน้าที่การงานมาทิ้งเห็นเขากลับมาดีกันก็ดีใจสงสารหลานไม่น่าคิดแบบนี้เลยหากมีปัญหาก็ให้แยกกันอยู่ไปก่อนตอนเกิดเหตุอยู่คนละห้องไม่รู้เรื่องเลยไม่มีใครบอกเป็นตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามา